หนึ่งในข้อได้เปรียบสำคัญของยุคดิจิทัลคือการมีแหล่งการเรียนรู้ออนไลน์มากมายที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ได้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) โดยไม่จำกัดแค่ในห้องเรียนหรือสถาบันการศึกษาแบบเดิม แหล่งเรียนรู้เหล่านี้มีทั้งรูปแบบหลักสูตรออนไลน์ขนาดใหญ่ (MOOCs) และสื่อการสอนเสรีอื่น ๆ เช่น วิดีโอการศึกษาบน YouTube หรือเนื้อหาบนเว็บไซต์ที่เข้าถึงได้ฟรี บทนี้จะแนะนำตัวอย่างแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตที่น่าสนใจ ดังนี้

หลักสูตรออนไลน์แบบเปิดขนาดใหญ่ (MOOCs)

MOOCs (Massive Open Online Courses) เป็นรูปแบบการเรียนออนไลน์ที่เปิดกว้างสำหรับผู้เรียนจำนวนมากทั่วโลก โดยมักจัดทำโดยมหาวิทยาลัยชั้นนำหรือองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญ หลักสูตรเหล่านี้มีความหลากหลายทั้งด้านวิชาและระดับความลึก ตั้งแต่ทักษะชีวิตพื้นฐานไปจนถึงความรู้ขั้นสูงในสาขาวิชาชีพ ผู้เรียนสามารถลงทะเบียนเรียน ฟรี หรือในบางกรณีจ่ายค่าธรรมเนียมเล็กน้อยหากต้องการใบประกาศนียบัตร

แพลตฟอร์ม MOOC ชั้นนำของโลก ได้แก่ Coursera และ edX ซึ่งก่อตั้งโดยมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ปัจจุบัน Coursera เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุด มีผู้ลงทะเบียนเรียนมากกว่า 175 ล้านคนทั่วโลก (Coursera, 2025)about.coursera.org และจับมือกับมหาวิทยาลัยกว่า 350 แห่งในการเปิดสอนหลักสูตรและปริญญาออนไลน์หลากหลายสาขาวิชา เนื้อหาบน Coursera ครอบคลุมตั้งแต่ทักษะในโลกยุคใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์และวิทยาการข้อมูล ไปจนถึงวิชาธุรกิจ ศิลปศาสตร์ และสุขภาพ แพลตฟอร์มนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ที่สามารถปรับให้เป็นแบบเฉพาะบุคคลและยืดหยุ่นสำหรับผู้เรียนแต่ละคน (Coursera, 2025)about.coursera.org ส่วน edX ซึ่งก่อตั้งโดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและ MIT ก็มีผู้เรียนเชื่อมต่ออยู่บนแพลตฟอร์มมากกว่า 86 ล้านคนทั่วโลก (edX, 2023)edx.org โดยมีหลักสูตรออนไลน์กว่า 4,600 หลักสูตรจากมหาวิทยาลัยและองค์กรพันธมิตรกว่า 260 แห่ง เน้นการให้ความรู้ที่เป็นวิชาการและทักษะวิชาชีพที่ทันสมัย ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามความสนใจและเป้าหมายอาชีพของตน

สำหรับประเทศไทย ThaiMOOC (Thailand Massive Open Online Course) เป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์แบบเปิดที่ดำเนินการโดยโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุน การเรียนรู้ตลอดชีวิต” ให้กับคนไทยทุกช่วงวัยอย่างทั่วถึง ThaiMOOC เป็นแหล่งรวบรวมรายวิชาออนไลน์ขนาดใหญ่ที่ผู้เรียนสามารถลงทะเบียนได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย และเลือกเรียนได้ตามสะดวกทุกที่ทุกเวลา โดยปัจจุบันมีรายวิชาออนไลน์มากกว่า 700 วิชา ครอบคลุมหลากหลายด้าน เช่น การบริหารจัดการ สุขภาพ คอมพิวเตอร์ ทักษะการทำงาน ทักษะชีวิต การพัฒนาตนเอง และภาษา เป็นต้น ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยสถาบันการศึกษาและหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญกว่า 100 แห่งในประเทศไทย (MHESI, 2023)thaiconsulatela.thaiembassy.orgthaiconsulatela.thaiembassy.org ผู้เรียนที่เรียนจบหลักสูตรและผ่านการทดสอบตามเกณฑ์ยังจะได้รับใบประกาศนียบัตรอิเล็กทรอนิกส์เพื่อยืนยันความสำเร็จอีกด้วย ทั้งนี้ ThaiMOOC ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนไทยที่ต้องการ “Upskill/Reskill” ทักษะของตนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยมีเนื้อหาเป็นภาษาไทยและวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่เข้ากับบริบทของสังคมไทย ทำให้ผู้เรียนรู้สึกใกล้ชิดและนำไปปรับใช้ได้จริง

ตัวอย่าง: นางสาวเอ ทำงานประจำด้านการตลาด แต่ต้องการพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมเพื่อเพิ่มโอกาสในหน้าที่การงาน เธอจึงลงทะเบียนเรียนหลักสูตร การเขียนโปรแกรม Python เบื้องต้น” บน ThaiMOOC ซึ่งใช้เวลาเรียนเพียงสัปดาห์ละ 2-3 ชั่วโมงหลังเลิกงาน ภายในระยะเวลา 6 สัปดาห์เธอก็สามารถเขียนโปรแกรมพื้นฐานได้ และได้รับใบประกาศฯ รับรองทักษะ เมื่อเธอนำไปใส่ในเรซูเม่ก็ช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับโปรไฟล์การทำงานของเธอมากขึ้น

แหล่งเรียนรู้อื่น ๆ ที่น่าสนใจ: นอกจาก Coursera, edX และ ThaiMOOC แล้ว ปัจจุบันยังมีแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์อีกหลายแห่ง เช่น Udemy, FutureLearn, LinkedIn Learning เป็นต้น แต่ละแห่งมีลักษณะเด่นและรูปแบบธุรกิจต่างกันไป (บางที่เน้นคอร์สฟรี บางที่เป็นระบบสมัครสมาชิก) ผู้เรียนควรทดลองใช้และเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะกับสไตล์การเรียนรู้และเป้าหมายของตน

YouTube EDU และสื่อการเรียนรู้ออนไลน์เสรีอื่น ๆ

YouTube ไม่ได้มีดีแค่ความบันเทิง แต่ยังเป็นคลังความรู้ขนาดใหญ่ที่คนทั่วโลกใช้เรียนรู้สิ่งใหม่ ใน YouTube มี ช่องการศึกษา (Educational Channels) นับไม่ถ้วน ทั้งช่องที่สอนวิชาการตั้งแต่วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ (เช่น Khan Academy ไทย, Mahidol Channel) ไปจนถึงช่องสอนทักษะชีวิตและงานอดิเรก (เช่น สอนทำอาหาร เย็บปักถักร้อย ซ่อมของใช้ ฯลฯ) ข้อมูลจากการสำรวจพบว่า 51% ของผู้ใช้ YouTube ใช้เว็บไซต์นี้เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่หรือวิธีทำอะไรบางอย่าง (Pew Research Center, 2018)pewresearch.org ตัวเลขนี้ยืนยันว่า “YouTube คือครูใหญ่ของชาวเน็ต” อย่างแท้จริง ผู้เรียนสามารถค้นหาวิดีโอสอนแทบทุกเรื่องที่สนใจได้ฟรี และยังเลือกความเร็วในการเรียนรู้หรือทบทวนซ้ำได้ตามต้องการ

YouTube มีหมวดพิเศษชื่อ YouTube EDU หรือ YouTube Education ซึ่งรวบรวมวิดีโอการสอนคุณภาพสูงที่ผ่านการคัดกรองไว้ในที่เดียว นอกจากนี้ หลายสถาบันการศึกษายังสร้างเนื้อหาการสอนของตนเองเผยแพร่บน YouTube เพื่อเปิดโอกาสการเรียนรู้ให้สาธารณชน เช่น มหาวิทยาลัยต่างๆ ในไทยที่มีโครงการ MOOC ของตนเองก็มักอัปโหลดวิดีโอบรรยายลง YouTube เพื่อให้เข้าถึงง่ายต่อผู้เรียน

Khan Academy เป็นอีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้ออนไลน์เสรีที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ก่อตั้งโดย ซัลมาน ข่าน (Sal Khan) โดยมีพันธกิจในการมอบ “การศึกษาระดับโลกฟรีสำหรับทุกคน ทุกที่” Khan Academy ให้บริการบทเรียนผ่านวิดีโอและแบบฝึกหัดอินเตอร์แอคทีฟในหลากหลายวิชา โดยเฉพาะคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และวิชาพื้นฐานระดับโรงเรียน นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว Khan Academy ยังมีการแปลเนื้อหาเป็นภาษาอื่นๆ กว่า 50 ภาษา รวมถึงภาษาไทยด้วย ปัจจุบัน Khan Academy มีผู้ใช้งานลงทะเบียนสะสมมากกว่า 168 ล้านคน และในปีการศึกษาล่าสุดมีผู้เรียนที่แอคทีฟประมาณ 153 ล้านคนทั่วโลก (Khan Academy, 2024)annualreport.khanacademy.organnualreport.khanacademy.org เนื้อหาของ Khan Academy ถูกนำไปใช้ทั้งในการเรียนด้วยตนเองของผู้สนใจ และเป็นสื่อเสริมการสอนในโรงเรียนทั่วโลก เนื่องจากบทเรียนถูกออกแบบอย่างเป็นระบบ มีการแบ่งเป็นหัวข้อย่อยตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงขั้นสูง และมีแบบฝึกหัดทบทวนความเข้าใจพร้อมฟีดแบ็กทันที

ที่สำคัญ Khan Academy ยังเริ่มนำปัญญาประดิษฐ์มาช่วยในการเรียนรู้ ตัวอย่างเช่น Khanmigo ซึ่งเป็น AI Tutor รุ่นใหม่ที่สามารถโต้ตอบกับผู้เรียน ช่วยอธิบายเนื้อหา ตอบคำถาม และแนะนำแนวคิดเพิ่มเติมได้แบบเรียลไทม์ เทคโนโลยีนี้ถูกผนวกเข้ากับแพลตฟอร์มหลักของ Khan Academy เพื่อสร้างประสบการณ์เรียนรู้เฉพาะบุคคลที่ลุ่มลึกยิ่งขึ้น (Khan Academy, 2024)annualreport.khanacademy.org นับเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้การเรียนออนไลน์มีความใกล้เคียงกับการมีครูส่วนตัว และช่วยให้ผู้เรียนได้รับการสนับสนุนอย่างทันท่วงทีแม้จะเรียนด้วยตนเองที่บ้าน

ข้อดีของแหล่งเรียนรู้ออนไลน์เสรี: ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Khan Academy หรือสื่อเสรีอื่นๆ ข้อดีคือ เข้าถึงง่าย และ ไม่มีค่าใช้จ่าย ผู้เรียนสามารถลองเรียนรู้เรื่องที่สนใจได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเล่าเรียน นอกจากนี้ เนื้อหามักถูกนำเสนอให้น่าสนใจ กระชับ เข้าใจง่าย และมีตัวอย่างหรือภาพประกอบทำให้ไม่เบื่อ เหมาะกับการเรียนรู้ด้วยตนเองในเวลาว่าง อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวังคือคุณภาพของเนื้อหาอาจแตกต่างกันไป ผู้เรียนควรเลือกเรียนจากช่องหรือแหล่งที่น่าเชื่อถือ (เช่น ช่องทางการของสถาบัน หรือผู้สอนที่มีความชำนาญ) และอาจตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลกับแหล่งอื่นประกอบด้วยเสมอ

แอปพลิเคชันเพื่อการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง

นอกจากแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ขนาดใหญ่และสื่อเสรีแล้ว ปัจจุบันยังมีแอปพลิเคชันจำนวนมากที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้การพัฒนาตนเองเป็นเรื่องง่ายและสนุกยิ่งขึ้น แอปเหล่านี้ครอบคลุมทั้งด้านการเรียนรู้ทักษะใหม่ การฝึกภาษา การเสริมความรู้รอบตัว ตลอดจนการจัดการความรู้ส่วนบุคคล ในส่วนนี้เราจะกล่าวถึงแอปพลิเคชันเด่นๆ ที่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาตนเอง ดังต่อไปนี้

Duolingo – แอปฝึกภาษาด้วยเกมสุดสนุก

Duolingo เป็นแอปพลิเคชันยอดนิยมระดับโลกสำหรับการเรียนรู้ภาษา ได้รับการออกแบบให้เหมือนการเล่นเกมที่มีด่านและรางวัลเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนฝึกฝนทุกวัน Duolingo เปิดสอนภาษาต่างๆ มากกว่า 40 ภาษา (รวมถึงภาษาอังกฤษ จีน สเปน ญี่ปุ่น เป็นต้น) โดยเน้นการฝึกทักษะฟัง พูด อ่าน เขียน ผ่านแบบฝึกหัดสั้นๆ ที่สนุกสนาน ผู้เรียนจะได้รับ คะแนน และ เหรียญตรา เมื่อทำบทเรียนสำเร็จ และมีระบบ “Streak” ที่นับจำนวนวันที่เรียนต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นให้ไม่ขาดความต่อเนื่อง ปัจจุบัน Duolingo ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีรายงานว่ามีผู้ใช้ลงทะเบียนมากกว่า 500 ล้านคน แล้ว (Duolingo, 2022)blog.duolingo.comblog.duolingo.com ทำให้เป็นแอปเรียนภาษาที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก

จุดเด่น: Duolingo ใช้หลักการ gamification ทำให้การเรียนภาษาไม่น่าเบื่อ ผู้เรียนรู้สึกเหมือนเล่นเกมและอยากเอาชนะด่านต่างๆ ไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ แอปยังมีการโต้ตอบที่ปรับตามระดับของผู้เรียน เช่น หากทำแบบฝึกหัดผิดบ่อย ระบบจะทบทวนบทเรียนพื้นฐานให้ หรือหากผู้เรียนเก่งขึ้น Duolingo ก็จะเพิ่มความยากของประโยคที่ให้แปลโดยอัตโนมัติ การปรับเนื้อหาให้เหมาะสมเฉพาะบุคคลนี้เกิดจากอัลกอริทึมและ AI ของ Duolingo ที่วิเคราะห์พัฒนาการของผู้เรียนแต่ละคน และสิ่งนี้เองที่ทำให้ผู้ใช้หลายคนรู้สึกว่าตนเองก้าวหน้าและไม่ท้อใจกลางคัน

Google Arts & Culture – เปิดโลกศิลปวัฒนธรรมผ่านมือถือ

Google Arts & Culture คือแอปพลิเคชันจาก Google ที่รวบรวม สมบัติทางศิลปะและวัฒนธรรมของโลก” มาไว้ปลายนิ้วผู้ใช้ แอปนี้เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์เสมือนจริงที่ให้คุณท่องเที่ยวชมงานศิลปะและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ทั่วโลกได้จากหน้าจอสมาร์ทโฟน ปัจจุบัน Google Arts & Culture ได้ร่วมมือกับสถาบันวัฒนธรรมและพิพิธภัณฑ์ชั้นนำกว่า 2,000 แห่งใน 80 ประเทศ เพื่อดิจิทัลไลซ์ผลงานศิลปะและโบราณวัตถุต่างๆ ให้ผู้คนทั่วไปเข้าถึงได้ฟรี (Google, 2023)apps.apple.comapps.apple.com ผู้ใช้สามารถซูมชมภาพวาดระดับมาสเตอร์พีซในรายละเอียดคมชัดสูง สำรวจพิพิธภัณฑ์ชื่อดังผ่านทัวร์ 360° เหมือนเดินอยู่ในสถานที่จริง หรือทดลองฟีเจอร์สนุกๆ เช่น Art Selfie ที่นำกล้องมาถ่ายใบหน้าตัวเองแล้วระบบจะค้นหาภาพวาดในพิพิธภัณฑ์ที่หน้าคล้ายเรา เป็นต้น

ประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเอง: Google Arts & Culture ช่วยเปิดโลกทัศน์ด้านศิลปะ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ทำให้ผู้ใช้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับศิลปิน บุคคลสำคัญ เหตุการณ์ และสถานที่สำคัญของโลกอย่างเพลิดเพลิน ตัวอย่างเช่น หากคุณสนใจศิลปะยุคเรเนซองส์ คุณสามารถชมภาพวาดของลีโอนาร์โด ดาวินชี แบบใกล้ชิด หรือถ้าคุณชื่นชอบประวัติศาสตร์ คุณอาจทัวร์ชมมหาพีระมิดแห่งกิซ่าผ่านแว่น VR นอกจากนี้ แอปยังมีบทความและนิทรรศการออนไลน์ที่อธิบายความเป็นมาของงานศิลป์ต่างๆ โดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งช่วยเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง

Notion – เครื่องมือจดบันทึกและจัดการความรู้ส่วนบุคคล

Notion เป็นแอปพลิเคชันประเภท All-in-One Workspace ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงสำหรับการจดโน้ต วางแผนงาน และจัดเก็บความรู้ต่างๆ ในที่เดียว ความยืดหยุ่นของ Notion ทำให้ผู้ใช้สามารถออกแบบหน้าการจดบันทึกได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง To-do list, ปฏิทินงาน, ตารางบันทึกการอ่านหนังสือ, ฐานข้อมูลสรุปบทเรียน หรือไดอารี่ส่วนตัว ผู้ที่กำลังพัฒนาตนเองสามารถใช้ Notion เป็นเหมือน “ศูนย์กลางการเรียนรู้” ของตนเอง เช่น สร้างหน้าเพจสำหรับรวบรวมความรู้จากคอร์สออนไลน์ที่เรียนมา จดสูตรคำนวณหรือโค้ดที่เรียนรู้ใหม่ ทำสรุปหนังสือที่อ่าน หรือจดเป้าหมายการพัฒนาตนเองประจำสัปดาห์/เดือนพร้อมช่องติ๊กทำเสร็จแล้ว เป็นต้น

จุดแข็ง: Notion รองรับการแทรกสื่อหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ ลิงก์ วิดีโอ หรือไฟล์เอกสาร ทำให้การจดบันทึกไม่น่าเบื่อ ผู้ใช้ยังสามารถ แท็ก เนื้อหาและจัดกลุ่มข้อมูลตามหมวดหมู่ได้ ทำให้ค้นหาย้อนหลังสะดวกมาก นอกจากนี้ Notion ยังมีเทมเพลตสำเร็จรูปมากมายที่ชุมชนผู้ใช้สร้างไว้ เช่น เทมเพลตวางแผนการเรียน เทมเพลตจดโน้ตเลคเชอร์ ซึ่งเราสามารถนำมาปรับใช้ได้ทันที การใช้ Notion อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของสิ่งที่เรียนรู้และสิ่งที่ต้องทำ ช่วยบริหารจัดการการพัฒนาตนเองได้เป็นระบบระเบียบ และเมื่อเวลาผ่านไป เรายังมี “คลังความรู้” ส่วนตัวที่สามารถทบทวนหรือแบ่งปันให้ผู้อื่นได้อีกด้วย

SkillLane – แพลตฟอร์มคอร์สออนไลน์เพื่อทักษะสายอาชีพโดยผู้เชี่ยวชาญไทย

SkillLane เป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์สัญชาติไทยที่เน้นคอร์สเพื่อพัฒนาทักษะในสายอาชีพต่างๆ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2557 และเติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ที่สำคัญของไทย ปัจจุบัน SkillLane ได้รับการยอมรับว่าเป็น แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ชั้นนำของประเทศไทย” (Krungsri, 2025)krungsri.com มีหลักสูตรมากมายที่สอนโดยผู้เชี่ยวชาญไทยที่มีประสบการณ์ตรงในสาขานั้นๆ เนื้อหาคอร์สครอบคลุมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทักษะธุรกิจ การตลาด การเงิน การเขียนโปรแกรม การออกแบบกราฟิก การถ่ายภาพ ตลอดจนทักษะส่วนบุคคลอย่างการพัฒนาตนเองและการสื่อสาร

ลักษณะเด่น: คอร์สส่วนใหญ่บน SkillLane เป็นวิดีโอภาษาไทยที่กระชับและได้สาระ ผู้เรียนสามารถเลือกหัวข้อที่สนใจและเรียนในเวลาที่สะดวกของตนเอง (self-paced learning) เมื่อซื้อคอร์สแล้วจะสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ไม่จำกัด ทำให้ย้อนกลับมาทบทวนเมื่อไรก็ได้ นอกจากนี้ SkillLane ยังมีการออกแบบแพลตฟอร์มให้น่าใช้ มีการจัดลำดับบทเรียนและแบบฝึกหัดเพื่อทดสอบความเข้าใจ และเมื่อเรียนจบหลักสูตร ผู้เรียนจะได้รับใบประกาศนียบัตร (Certificate of Completion) ซึ่งสามารถใช้รับรองทักษะต่อยอดในการสมัครงานหรือเลื่อนตำแหน่งได้

SkillLane ได้กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับคนทำงานที่ต้องการเพิ่มพูนความรู้โดยไม่ต้องเข้าห้องเรียนจริง ความได้เปรียบคือเนื้อหาเป็นบริบทไทย เข้าใจง่าย และมุ่งแก้ pain point ของคนไทย เช่น คอร์สสอนใช้ Excel สำหรับงานบัญชีไทย หรือคอร์สเตรียมสอบ ก.พ. เป็นต้น นอกจากนี้ SkillLane ยังร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เช่น ธนาคารกรุงศรีฯ ในการจัดคอร์สออนไลน์ให้ลูกค้า SME เพื่อพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลและความรู้ด้าน ESG ของผู้ประกอบการไทย (Krungsri, 2025)krungsri.comkrungsri.com แสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์มนี้ได้รับความเชื่อถือและมีบทบาทในการพัฒนาทักษะแรงงานของประเทศ

ข้อแนะนำ: การเรียนผ่านแอปและแพลตฟอร์มต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ผู้เรียนควรกำหนดเป้าหมายและตารางเวลาสำหรับตนเองอย่างชัดเจน แม้ว่าความยืดหยุ่นจะเป็นข้อดี แต่ก็อาจทำให้เราผัดวันประกันพรุ่งได้ง่าย ดังนั้นเมื่อเลือกแหล่งเรียนรู้แล้ว ควรวางแผนว่าจะเรียนวันละกี่นาทีหรือสัปดาห์ละกี่บทเรียน และติดตามความคืบหน้าของตนเองเสมอ

Last modified: Tuesday, 2 September 2025, 6:56 PM