บทที่ 5การมีส่วนร่วมทางสังคมผ่านสื่อดิจิทัล
การมีส่วนร่วมทางสังคมผ่านสื่อดิจิทัล (Digital Civic Engagement)
หนึ่งในคุณลักษณะสำคัญของพลเมืองดีคือการมีส่วนร่วมในสังคมและชุมชน ไม่ว่าจะเป็นในระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ ในยุคดิจิทัล ช่องทางการมีส่วนร่วมเหล่านี้ได้ขยายกว้างขึ้นอย่างมากผ่านอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ พลเมืองสามารถใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อมีเสียงในที่สาธารณะ เข้าถึงข้อมูลภาครัฐ และมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงสังคมได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น Karen Mossberger (2008) นักรัฐศาสตร์ ได้ให้นิยาม พลเมืองดิจิทัล ว่าคือ “ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มสังคม และการมีส่วนร่วมทางสังคมการเมืองของรัฐ โดยต้องมีทักษะและความรู้ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ” (Mossberger, 2008so06.tci-thaijo.org) นั่นสะท้อนว่าการเป็นพลเมืองดิจิทัลไม่ใช่แค่เรื่องทักษะเทคโนโลยีส่วนบุคคล แต่รวมถึงการนำทักษะนั้นมา ขับเคลื่อนสังคมและประชาธิปไตย ด้วย
รูปแบบการมีส่วนร่วมผ่านดิจิทัล: ปัจจุบันเราสามารถมีส่วนร่วมทางสังคมและพลเมืองผ่านสื่อดิจิทัลได้หลายรูปแบบ เช่น:
- การแสดงความคิดเห็นและอภิปรายสาธารณะ: สื่อสังคมออนไลน์เปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นสาธารณะได้ง่าย เช่น แสดงความคิดเห็นต่อข่าว นโยบายรัฐบาล หรือปัญหาชุมชนในช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ การแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์และสุภาพสามารถก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนมุมมองที่เป็นประโยชน์ และบางครั้งเสียงของประชาชนบนสื่อสังคมก็ส่งผลให้ผู้มีอำนาจต้องรับฟังและปรับปรุงนโยบายหรือการทำงาน
- การเข้าชื่อรณรงค์ออนไลน์: มีแพลตฟอร์มสำหรับยื่นคำร้องและเข้าชื่อสนับสนุนโครงการหรือข้อเสนอเพื่อการเปลี่ยนแปลง เช่น Change.org ที่ให้ประชาชนสร้างแคมเปญรณรงค์และรวบรวมรายชื่อผู้สนับสนุนเพื่อส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การเข้าชื่อออนไลน์กลายเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยผลักดันประเด็นทางสังคมและสิ่งที่สาธารณชนต้องการให้เกิดขึ้นจริง
- อาสาสมัครและการกุศลออนไลน์: โลกดิจิทัลทำให้การทำความดีและช่วยเหลือสังคมทำได้ง่ายขึ้น เช่น การบริจาคออนไลน์ให้แก่องค์กรการกุศล การร่วมกิจกรรมอาสาสมัครผ่านแพลตฟอร์ม (เช่น อาสาสมัครแปลภาษา บริจาคความรู้ หรือระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย) แม้ไม่สามารถลงพื้นที่ด้วยตนเองก็ยังมีส่วนร่วมได้ผ่านเครื่องมือดิจิทัล
- การตรวจสอบและติดตามการทำงานของภาครัฐ: ประชาชนสามารถใช้เทคโนโลยีติดตามความโปร่งใสในการทำงานของรัฐ เช่น เว็บไซต์เปิดเผยข้อมูลภาครัฐ (Open Data) แอปพลิเคชันรายงานปัญหาในท้องถิ่นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือการรวมกลุ่มออนไลน์เพื่อตรวจสอบนโยบายและงบประมาณ การมีเครื่องมือนี้ทำให้บทบาท “ผู้เฝ้าระวัง” ของประชาชนเข้มแข็งขึ้น เสียงของประชาชนถูกส่งถึงผู้มีอำนาจได้ตรงขึ้น
พลเมืองดิจิทัลที่มีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์: การมีส่วนร่วมผ่านดิจิทัลจะเกิดประโยชน์ก็ต่อเมื่อเราทำอย่างสร้างสรรค์ มีความรับผิดชอบ และเคารพกติกา พลเมืองดิจิทัลที่ดีในการมีส่วนร่วมสังคมควร:
- ใช้ข้อมูลที่ถูกต้องในการสนทนา: ก่อนจะเรียกร้องหรือถกเถียงเรื่องใด ควรศึกษาข้อมูลข้อเท็จจริงให้รอบด้าน อย่าเผยแพร่ข่าวลือที่ยังไม่ตรวจสอบ เพราะจะทำให้การอภิปรายไขว้เขว ควรอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือเพื่อสนับสนุนความคิดเห็นของตน
- เคารพความเห็นต่างทางการเมือง: ในโลกออนไลน์ เราจะเจอผู้คนที่มีแนวคิดทางสังคมการเมืองแตกต่างหลากหลาย การเปิดใจกว้างรับฟังอย่างมีเหตุผลและไม่โจมตีด้วยอารมณ์จะนำไปสู่บทสนทนาที่มีประโยชน์กว่า แม้จะไม่เห็นพ้องกันทุกเรื่องก็สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้
- หลีกเลี่ยงวาทะที่สร้างความเกลียดชังหรือแบ่งแยก: การมีส่วนร่วมไม่ควรยุยงให้เกิดความเกลียดชังระหว่างกลุ่ม ไม่ใช้คำเหยียดหยามหรือสร้างความแตกแยกในสังคม การวิจารณ์ควรพุ่งเป้าไปที่ปัญหา ไม่ใช่ดูหมิ่นตัวบุคคลหรือกลุ่มคน
- ลงมือทำ ไม่ใช่แค่พูด: นอกจากการแสดงความคิดเห็นแล้ว พลเมืองดิจิทัลที่ดีอาจ ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการลงมือแก้ปัญหา เช่น ร่วมสร้างแอปฯ หรือเว็บไซต์เพื่อประโยชน์สาธารณะ เขียนโค้ดพัฒนาระบบที่ช่วยชุมชน หรือจัดกลุ่มแคมเปญออนไลน์เพื่อลงพื้นที่ทำกิจกรรมจริง เป็นต้น การนำดิจิทัลมาผสานกับการลงมือทำจริงจะยิ่งสร้างพลังให้การมีส่วนร่วมมีน้ำหนัก
กรณีตัวอย่าง: ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา เราได้เห็นพลังของการมีส่วนร่วมทางดิจิทัล เช่น การที่ประชาชนรวมตัวกันในกลุ่มเฟซบุ๊กเพื่อช่วยจัดหาเตียงหรือหาออกซิเจนให้ผู้ป่วย, การระดมทุนออนไลน์เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาล, การเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคเพื่อสู้กับข่าวลวง สิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงถึงการใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือกันในยามวิกฤต ISTE (2019) ซึ่งเป็นองค์กรส่งเสริมการศึกษาเทคโนโลยี ได้กล่าวถึงบทบาทพลเมืองดิจิทัลไว้ว่า “เราใช้เทคโนโลยีและช่องทางดิจิทัลในการมีส่วนร่วมพลเมือง แก้ไขปัญหา และสร้างพลังด้านบวกให้แก่ชุมชนทั้งออนไลน์และออฟไลน์” (ISTE, 2019iste.org) การมีส่วนร่วมที่สร้างสรรค์เช่นนี้เองคือหัวใจของความเป็นพลเมืองดิจิทัลที่ดี
โดยสรุป การมีส่วนร่วมทางสังคมผ่านสื่อดิจิทัล เปิดโอกาสให้ทุกคนเป็นพลเมืองที่ตื่นตัว มีเสียง และมีบทบาทในการขับเคลื่อนสังคมได้มากขึ้น การใช้อินเทอร์เน็ตในทางที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาสังคมแล้ว ยังเสริมสร้างความเป็นประชาธิปไตยที่ทุกเสียงสามารถได้ยิน การเป็น “Active Digital Citizen” ที่มีส่วนร่วมอย่างรับผิดชอบและสร้างสรรค์จึงเป็นเป้าหมายที่เราควรมุ่งไป