บทที่ 4 การรู้เท่าทันสื่อและข่าวปลอม
ความหมายของการรู้เท่าทันสื่อ (Media and Information Literacy) การรู้เท่าทันสื่อและสารสนเทศ (Media and Information Literacy - MIL) คือความสามารถในการเข้าถึง วิเคราะห์ ประเมินค่า และสร้างสรรค์สื่อหรือข้อมูล ได้อย่างมีวิจารณญาณ ซึ่งรวมถึงทักษะในการแยกแยะข้อมูลที่น่าเชื่อถือออกจากข้อมูลที่บิดเบือนหรือเท็จ ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารหลั่งไหลอย่างรวดเร็วผ่านอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย การมีทักษะ MIL ถือเป็นส่วนสำคัญของพลเมืองดิจิทัลที่ดี เพราะช่วยให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอม ไม่ช่วยแพร่กระจายข้อมูลผิด ๆ และสามารถใช้ข้อมูลในการตัดสินใจต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง
ภัยของข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือน: ปัจจุบันข่าวปลอม (fake news) และข้อมูลบิดเบือนแพร่กระจายในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นข่าวลวงทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือสุขภาพ (เช่น ข้อมูลเท็จเรื่องโควิด-19 หรือวัคซีน) ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้เมื่อคนแชร์ต่อ ๆ กันมาก ๆ เข้า ก็สามารถถูกเข้าใจผิดว่าเป็นความจริงในสายตาคนจำนวนมาก ปรากฏการณ์ข่าวลวงและด้านมืดในยุคดิจิทัลได้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัว เพราะมันเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อใด กับใครก็ได้อย่างไร้พรมแดน ผู้ที่ขาดความรู้ความเข้าใจหรือไม่รู้เท่าทันสื่อก็ยิ่งมีโอกาสตกเป็นเหยื่อได้ง่ายขึ้นblog.cofact.org ผลเสียไม่เพียงแต่ทำให้คนเชื่อสิ่งผิด ๆ แต่ยังอาจส่งผลต่อชีวิตและทรัพย์สิน (เช่น เชื่อข่าวลวงเรื่องการรักษาโรคจนเสียชีวิต) รวมถึงสร้างความแตกแยกในสังคม
แนวทางการรู้เท่าทันสื่อและข้อมูล: เพื่อป้องกันตนเองและสังคมจากข่าวปลอม พลเมืองดิจิทัลควรพัฒนาทักษะ MIL ดังนี้:
- ตรวจสอบแหล่งที่มา: ทุกครั้งที่พบเจอบทความ ข่าว หรือข้อความที่ส่งต่อกันทางออนไลน์ ให้ตรวจสอบว่าแหล่งข้อมูลมาจากไหน เป็นแหล่งที่น่าเชื่อถือหรือไม่ สำนักข่าวหรือผู้เชี่ยวชาญที่เป็นทางการพูดถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไร อย่าเชื่อถือทันทีเพียงเพราะเห็นว่ามีคนแชร์เยอะ
- พิจารณาความน่าเชื่อถือของเนื้อหา: ดูว่าเนื้อหามีการระบุรายละเอียดที่ตรวจสอบได้หรือไม่ เช่น มีการอ้างอิงข้อมูล วิจัย หรือคำพูดของบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือไม่ หากเป็นข่าว ควรมีชื่อผู้เขียน วันที่ และแหล่งข่าวประกอบ หากรายละเอียดคลุมเครือหรือฟังดูดีเกินจริง ควรสงสัยไว้ก่อน
- ระวังอคติและการบิดเบือน: ข้อมูลบางอย่างอาจจริงเพียงส่วนหนึ่ง หรือถูกเล่าด้วยมุมมองที่มีอคติ (bias) เพื่อตั้งใจชักจูงผู้อ่านให้คิดตาม เราควรเปิดใจรับฟังหลาย ๆ แหล่ง เปรียบเทียบข้อมูลจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะเรื่องที่อ่อนไหวหรือขัดแย้ง หากข่าวใดทำให้รู้สึกโกรธ ตกใจ สะเทือนใจมากผิดปกติ ควรหยุดและวิเคราะห์อย่างมีสติ เพราะอารมณ์เหล่านั้นมักถูกกระตุ้นโดยข่าวปลอมที่หวังผลอะไรบางอย่าง
- ใช้เครื่องมือและแหล่งข้อมูลตรวจสอบข้อเท็จจริง: ปัจจุบันมีองค์กรและเว็บไซต์ตรวจสอบข้อเท็จจริง (fact-check) มากมาย เช่น Cofact ในประเทศไทย, AFP Fact Check, Politifact, Snopes ฯลฯ หากสงสัยว่าข่าวหรือภาพใดอาจเป็นของปลอม เราสามารถค้นหาในเว็บไซต์เหล่านี้ว่ามีการตรวจสอบไว้หรือไม่ นอกจากนี้การใช้เครื่องมืออย่างการค้นหาภาพย้อนหลัง (reverse image search) ในกรณีสงสัยว่าภาพนี้มาจากไหน ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยตรวจสอบแหล่งที่มาของรูปภาพ
- ไม่ส่งต่อสิ่งที่ยังไม่แน่ใจ: ดังที่ ThaiCERT แนะนำไว้ว่า “ไม่ส่งต่อข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยัน”it24hrs.com หากเรายังไม่มั่นใจว่าข้อมูลถูกต้อง อย่าเพิ่งแชร์หรือส่งต่อให้คนอื่น เพราะการแชร์ของเราเท่ากับช่วยกระจายข่าวลวงออกไป ควรรอจนตรวจสอบจนแน่ใจก่อน หรือหากไม่สามารถยืนยันได้จริง ๆ ก็ควรปล่อยผ่าน ไม่เผยแพร่ต่อ
- รู้จักแยกแยะประเภทของข้อมูล: สื่อออนไลน์มีทั้งข่าวจริง ข่าวล้อเลียน (satire) โฆษณาแฝง (advertorial) ความเห็นส่วนบุคคล ฯลฯ การรู้เท่าทันสื่อต้องรู้ว่าเนื้อหาที่เราอ่านเป็นประเภทใด เช่น ถ้าเป็นบทความความคิดเห็น (op-ed) ก็จะมีอคติตามมุมมองผู้เขียนอยู่บ้าง ไม่ใช่ข้อเท็จจริงล้วน ๆ หรือหากเป็นโฆษณา ควรสังเกตคำบอกใบ้ เช่น “สนับสนุนโดย...”
การรู้เท่าทันสื่อในทางบวก: นอกจากป้องกันตัวจากข่าวปลอมแล้ว MIL ยังช่วยให้เราสามารถใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์ เช่น การสร้างเนื้อหาของตัวเอง (content creation) อย่างมีความรับผิดชอบ อ้างอิงแหล่งข้อมูลเมื่อจำเป็น และนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องให้ผู้อื่นได้รับรู้ UNESCO ได้เน้นว่าทักษะ MIL ช่วยให้พลเมือง “เข้าถึง ใช้ สร้างสรรค์ ประเมิน และสื่อสารข้อมูลข่าวสารผ่านเครื่องมือดิจิทัลได้” อย่างมีประสิทธิภาพblog.cofact.org นั่นหมายความว่าผู้ที่มีความรู้เท่าทันสื่อจะไม่ใช่เพียงผู้รับสารที่ดี แต่ยังเป็น ผู้ส่งสารที่ดี ด้วย สามารถผลิตสื่อที่มีคุณภาพและมีจริยธรรมลงในโลกออนไลน์ เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
โดยสรุป การรู้เท่าทันสื่อและข้อมูลข่าวสาร เป็นเกราะป้องกันชั้นสำคัญให้พลเมืองดิจิทัลไม่ตกเป็นเหยื่อของข้อมูลเท็จ อีกทั้งยังเป็นทักษะที่จะช่วยยกระดับเนื้อหาในสังคมออนไลน์ให้ถูกต้องและมีคุณภาพมากขึ้น ทุกคนสามารถฝึกฝนได้ด้วยการฝึกตั้งคำถามกับสิ่งที่เสพ หาความรู้เพิ่มเติม และไม่หยุดเรียนรู้ที่จะรับมือกับสื่อรูปแบบใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ