ความรับผิดชอบต่อตนเอง (Digital Responsibility)  พลเมืองดิจิทัลที่ดีต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองในการใช้งานเทคโนโลยี ซึ่งหมายถึงการตระหนักว่าทุกกิจกรรมที่เราทำออนไลน์สามารถส่งผลตามมาได้จริง ไม่ใช่อยู่ในโลกเสมือนที่ไม่มีผลอะไร ดังนั้นเราควรคิดใคร่ครวญก่อนจะโพสต์ แสดงความเห็น หรือแชร์ข้อมูลใด ๆ สู่สาธารณะ การโพสต์ข้อความหรือรูปภาพลงอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนการส่งเสียงออกไมโครโฟนที่มีผู้ฟังทั่วโลกและอาจถูกบันทึกไว้ตลอดไป ร่องรอยดิจิทัล” (Digital Footprint) ที่เราได้ฝากไว้สามารถถูกค้นพบและส่งผลต่อชีวิตภายหลังได้ เช่น เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์เมื่อสมัครงานหรือทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์กับผู้อื่น เราจึงต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองเผยแพร่ออกไป คิดก่อนคลิก” ทุกครั้ง และพร้อมยอมรับผลถ้าสิ่งที่เผยแพร่ออกไปก่อให้เกิดผลกระทบ

  • ตัวอย่างความรับผิดชอบต่อตนเอง เช่น การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว ในบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวอย่างวันเกิด ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์สู่สาธารณะเกินไป, การใช้ชื่อและรูปโปรไฟล์ที่เหมาะสม ไม่แอบอ้างเป็นคนอื่น, การไม่โพสต์เนื้อหาที่เสี่ยงหรือผิดกฎหมาย แม้จะเป็นบัญชีส่วนตัวของเราเอง เพราะหากผิดกฎหมายจริง เราก็ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย เป็นต้น

ความรับผิดชอบต่อผู้อื่นและสังคม: ในฐานะสมาชิกของชุมชนออนไลน์ เรามีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมในการช่วยทำให้สังคมดิจิทัลน่าอยู่และปลอดภัย การกระทำของเราอาจส่งผลต่อผู้อื่นในวงกว้างได้ จึงควรมีสำนึกต่อส่วนรวม เช่น:

  • แบ่งปันสิ่งที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์: ใช้ช่องทางดิจิทัลในการเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร หรือเนื้อหาที่มีประโยชน์ต่อผู้อื่น หลีกเลี่ยงการแชร์สิ่งที่ไม่มีมูลความจริง ข่าวลือ หรือเนื้อหาที่สร้างความแตกแยกเกลียดชัง หากเราพบข้อมูลที่น่าสงสัย ควรตรวจสอบความถูกต้องก่อนจะแชร์ต่อ การกระทำง่าย ๆ เช่นนี้สามารถลดการกระจายของข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือนในสังคมออนไลน์ได้ ThaiCERT (2015) ได้แนะนำผู้ใช้อินเทอร์เน็ตคนไทยว่า ควรติดตามข่าวสารด้านความปลอดภัยและพิจารณาข้อมูลให้รอบคอบก่อนจะแชร์ต่อ รวมถึงไม่ส่งต่อข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน (ThaiCERT, 2015it24hrs.com) ถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับหลักการรู้เท่าทันสื่อที่จะกล่าวถึงในหัวข้อต่อไป
  • ไม่เพิกเฉยต่อการกลั่นแกล้งหรือละเมิดผู้อื่น: หากพบเห็นการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ (cyberbullying) หรือพฤติกรรมคุกคาม ควรหลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วมและสามารถแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย หรือรายงานผู้ดูแลแพลตฟอร์มให้จัดการ นอกจากนี้เรายังสามารถแสดงความสนับสนุนต่อผู้ที่ตกเป็นเป้าการกลั่นแกล้ง เช่น แสดงความคิดเห็นให้กำลังใจหรือช่วยแจ้งผู้ที่สามารถช่วยเหลือได้ ทั้งนี้ควรทำอย่างระมัดระวังและไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
  • เป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้งานดิจิทัล: การกระทำของเรามีส่วนปลูกฝังวัฒนธรรมดิจิทัลให้กับคนรอบข้าง หากเรามีบรรทัดฐานที่ดี เช่น ไม่คอมเมนต์ด้วยถ้อยคำหยาบ ไม่เผยแพร่ของผิดลิขสิทธิ์ ไม่สนับสนุน content ที่ผิดจริยธรรม คนรอบข้างหรือผู้ติดตามเราก็อาจซึมซับและทำตาม ส่งผลให้สังคมออนไลน์โดยรวมดีขึ้น

การสร้างตัวตนดิจิทัลที่น่าเชื่อถือ: ความรับผิดชอบดิจิทัลยังครอบคลุมถึงการสร้าง อัตลักษณ์ดิจิทัล” (Digital Identity) ที่ดีของตนเอง ซึ่งหมายถึงภาพลักษณ์และตัวตนที่ปรากฏในโลกออนไลน์ คนส่วนใหญ่มักค้นหาชื่อเราในกูเกิลหรือสื่อสังคมก่อนตัดสินใจร่วมงานหรือทำความรู้จัก ดังนั้นเราควรรับผิดชอบในการดูแลตัวตนดิจิทัลของเราให้ น่าเชื่อถือและเป็นบวก เช่น ใช้สำนวนและเนื้อหาที่สุภาพเหมาะสมในโซเชียลมีเดีย แชร์ผลงานหรือความรู้ที่เป็นประโยชน์ แสดงความรับผิดชอบเมื่อทำผิด (เช่น หากโพสต์ข้อมูลผิดก็รีบแก้ไขและขอโทษ) สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจในตัวเราบนโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นทุนทางสังคมที่สำคัญอย่างหนึ่งในยุคดิจิทัล

โดยสรุป ความรับผิดชอบทางดิจิทัล หมายถึงการตระหนักรู้และรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองบนโลกออนไลน์ ทั้งต่อผลที่เกิดกับตัวเองและผลกระทบที่อาจเกิดกับผู้อื่น พลเมืองดิจิทัลที่มีความรับผิดชอบ จะใช้อินเทอร์เน็ตอย่างรอบคอบ ไม่ประมาท มีวินัยในตนเอง และคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมควบคู่กันไป

แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันอังคาร, 2 กันยายน 2025, 10:15AM